19 กรกฎาคม 2564 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.10 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.75 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.53-32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 เดือนครั้งใหม่
เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหลังสหรัฐฯรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนสูงเกินคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อเทียบเป็นรายปีเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 13 ปี ที่ 5.4% อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯปรับตัวลดลง
ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสว่ายังไม่ใกล้ถึงเวลาสำหรับการลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเน้นย้ำว่าการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว ทางด้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นหลังธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประกาศจะยุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตร
ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงนโยบายตามคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 2,400 ล้านบาท และ 19,145 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดการเงินโลกจะจับตาท่าทีของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หลังการประชุมวันที่ 22 กรกฎาคม ภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่สำหรับการดำเนินนโยบายซึ่งบ่งชี้ถึงความอดทนที่สูงขึ้นต่อภาวะเงินเฟ้อและอาจกดดันค่าเงินยูโรให้อ่อนลง ขณะที่อังกฤษยืนยันแผนยกเลิกมาตรการควบคุมโรคตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม แม้ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นมากในระยะนี้
อนึ่ง ในภาพรวม กรุงศรีคาดว่าเงินดอลลาร์จะได้แรงหนุนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากการกลายพันธุ์ของไวรัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี แนวทางการดำเนินนโยบายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอาจแตกต่างกันออกไปตามภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจและกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ สถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงและยืดเยื้อมากขึ้นรวมถึงการยกระดับมาตรการควบคุมโรค และทิศทางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงยังเป็นประเด็นหลักฉุดรั้งความเชื่อมั่นและค่าเงินบาท นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลส่งออกนำเข้าเดือนมิถุนายน โดยคาดว่ายังสามารถขยายตัวได้ในอัตราค่อนข้างสูงตามภาวะอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายจากวิกฤติ COVID-19 ในประเทศที่เข้าสู่กรณีเลวร้ายที่สุดส่งผลให้วิจัยกรุงศรีหั่นประมาณการจีดีพีปีนี้เป็นเติบโต 1.2% จากเดิม 2.0%