WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันศุกร์ ที่ 18 ตุลาคม 2567 ติดต่อเรา
8 เดือนประกันชีวิตโตฉลุย 5.56%

7 ตุลาคม 2559 : เบี้ยประกันชีวิตรับรวม 8 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2559 มียอดทั้งสิ้น 365,681.50 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.56 เมืองไทยประกันชีวิตแชมป์เบี้ยรับปีแรก ส่วนเอไอเอครองอันดับ 1 เบี้ยต่ออายุ

คุณพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย

นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่หนึ่ง พิจารณาจากขนาดของบริษัท และกรณีที่สอง พิจารณาจากการขยายงานของบริษัท จากสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ของปี 2559 (1 มกราคม – 31 สิงหาคม 2559) มีดังนี้

เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ทั้งธุรกิจทำได้ 365,681.50 ล้านบาท บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด หรือมีขนาดใหญ่สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 74,697.42 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 20.43 อันดับที่ 2 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 64,239.39 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 17.57 อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 50,821.40 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.90

อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 37,851.49 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.35 อันดับที่ 5 บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 36,697.24 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.04 รวม 5 อันดับแรก ครองสัดส่วนการตลาดร้อยละ 72.29 และอีก 17 บริษัทที่เหลือครองสัดส่วนการตลาด ร้อยละ 27.71

เบี้ยประกันสิ้น-สิงหาคม-59

เบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ มีทั้งสิ้น 104,886.39 ล้านบาท บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 22,325.61 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 21.29 อันดับที่ 2 บจ.เอ.ไอ.เอ. จำนวน 15,650.98 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.92

อันดับที่ 3 บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 14,667.26 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.98 อันดับที่ 4 บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวน 10,216.28 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.74 อันดับที่ 5 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 9,181.52 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.75

ทางด้าน เบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป มีทั้งสิ้น 260,795.11 ล้านบาท โดยมีอัตราความคงอยู่สูงถึงร้อยละ 83 ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี แสดงให้เห็นถึงผู้เอาประกันชีวิตเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตเป็นอย่างดี

ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 สำหรับผู้มีเงินได้ที่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี ควรเริ่มมีการวางแผนทางการเงินเพื่อหักลดหย่อนภาษี ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของภาครัฐ การซื้อประกันชีวิตก็เป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำให้ผู้เสียภาษีมีสิทธิได้รับการหักลดหย่อนภาษีรวมทั้งสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย

โดยกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครองภัยตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรได้สูงสุดถึง 100,000 บาท และเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์แบบบำบาญ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 200,000 บาท แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับที่ต้องเสียภาษีเงินได้ในปีนั้น ซึ่งประกันชีวิตแบบบำนาญนี้เมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือเงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพแล้ว (RMF) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรlogo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

ประกันชีวิต ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP