7 ตุลาคม 2559 : ความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าเมื่อข้อมูลภาคบริการของสหรัฐฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนในเดือนกันยายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายรายของเฟดมีท่าทีสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น ยังคงเห็นแรงขายทองคำออกมาบางส่วนก่อนการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้
นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรอาจอยู่ที่ 175,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นจาก 151,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม และอัตราการว่างงานอาจอยู่ที่ 4.9% ในเดือนกันยายน ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ทองคำได้รับแรงหนุนพยุงไว้ จากบริษัทอีโวลูชันไมนิง ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองคำอันดับสองของออสเตรเลียคาดว่าราคาทองคำจะยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไป
โดยได้รับแรงหนุนจากภาวะไม่แน่นอนทางการคลังและทางการเมืองระหว่างประเทศ ขณะที่ความต้องการทองคำในตลาดส่งมอบปัจจุบันในลอนดอนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลังจากราคาทองคำดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 1,000 ปอนด์ต่อออนซ์ ดีลเลอร์หลายในลอนดอนรายเปิดเผยว่าการซื้อขายกลับมาคึกคักหลังจากราคาทองคำร่วงทะลุระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา ซึ่งราคาทองดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนที่ 1,261 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคได้พากันเข้าซื้อทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะตึงเครียดในตลาดการเงิน และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อาทิ Brexit
ทั้งนี้ การลงทุนในช่วงเวลานี้ต้องเน้นไปที่การทำกำไรระยะสั้น ในขณะที่หากต้องการเปิดสถานะขายทองคำให้รอจังหวะราคาดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีการถือครองทองคำไว้ และหากสามารถรับความเสี่ยงได้น้อย อาจซื้อปิดสถานะบางส่วนเมื่อราคาย่อตัวลง
กลยุทธ์การลงทุน ทาง บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ราคาทองคำอาจมีการปรับตัวลดลงต่อโดยความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,253 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากราคายืนเหนือแนวต้านได้มั่นคงสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,283 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,253 (20,640บาท) 1,244 (20,490บาท)
1,235 (20,350บาท)
แนวต้าน 1,276 (21,030บาท) 1,283 (21,140บาท)
1,296 (21,360บาท)
GOLD FUTURES (GFV16)
แนวรับ 1,253 (20,790บาท) 1,244 (20,640บาท)
1,235 (20,500บาท)
แนวต้าน 1,276 (21,180บาท) 1,283 (21,290บาท)
1,296 (21,510บาท)