EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ สะท้อนภาพรวมตลาดบัตรเครดิตว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังไม่สดใสนัก มีเพียงผู้มีรายได้สูงเท่านั้นที่ยังคงใช้จ่ายเพิ่มทั้งในด้านการใช้จ่ายทั่วไปและการลงทุน อย่างไรก็ดี อีไอซีพบเทรนด์ใหม่คือ ผู้ใช้บัตรเครดิตมีการใช้จ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์มากขึ้น ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและร้านอาหาร รวมไปถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ ในขณะที่มีการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านอื่น
จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2013 แต่การเติบโตส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บัตรเป็นหลัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อคนค่อนข้างคงที่ ยกเว้นกลุ่มผู้มีรายได้สูงซึ่งมีจำนวนน้อย สอดคล้องกับผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติที่พบว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับคงที่
ทั้งนี้จากข้อมูลการใช้บัตรเครดิตของลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อีไอซีพบว่าพฤติกรรมการลงทุน พฤติกรรมการใช้จ่าย และรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มรายได้ คือ กลุ่มผู้มีรายได้สูง (รายได้เฉลี่ย 100,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป) และกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางระดับล่าง (รายได้เฉลี่ย 15,000 – 35,000 บาทต่อเดือน) และกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางระดับบน (รายได้เฉลี่ย 35,000 – 100,000 บาทต่อเดือน) มีพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปแตกต่างกัน
ในด้านการลงทุน พบการลงทุนในทองคำยังคงเติบโตโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งเพิ่มถึง 9% ต่อปี โดยเน้นเพิ่มปริมาณเงินลงทุนในแต่ละครั้ง ขณะที่การลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการลงทุนลดลงเฉลี่ยถึง 12% ในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง และทรงตัวในกลุ่มผู้มีรายได้สูง
ในด้านการใช้จ่าย พบว่ากลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางพยายามรักษาระดับการใช้จ่าย ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยลง เช่น ค่าใช้จ่ายในกลุ่มเครื่องประดับที่ลดลงเฉลี่ย 10% ต่อปี นอกจากนี้ ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ยังพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายในการช้อปปิ้งแต่ละใบเสร็จอีกด้วย ในทางกลับกันกลุ่มผู้มีรายได้สูงยังคงใช้จ่ายตามปกติ และมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งอีกด้วย สังเกตได้จากราคาเฉลี่ยต่อครั้งของการใช้จ่ายทั่วไปที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น การช้อปปิ้งที่เพิ่มขึ้นถึง 5% ต่อปี
ในด้านรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค พบว่ามีการใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์มากขึ้น โดยกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง เน้นความหลากหลายของประสบการณ์ มีการใช้จ่ายกับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวทั้งออนไลน์และออฟไลน์สูงขึ้นถึงปีละ 10% และซื้อตั๋วเครื่องบินเฉลี่ยบ่อยขึ้นถึงปีละ 15% มูลค่าการใช้จ่ายต่อครั้งกลับพบว่ามีราคาถูกลงราว 10% และยังเปลี่ยนมาจองแพ็คเกจท่องเที่ยวผ่านเว็บไซต์ ที่มักมีส่วนลดแทนการจองผ่านโรงแรมโดยตรง ส่วนในกลุ่มผู้มีรายได้สูง ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่กลับการใช้จ่ายในแต่ละครั้ง เช่น พักโรงแรมแพงขึ้น 6% สะท้อนให้เห็นถึงการยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวให้หรูหรา แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้จ่ายในร้านอาหารก็เติบโตในรูปแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น โดยมูลค่าการใช้จ่ายออนไลน์เติบโตถึง 28% ในทุกกลุ่มรายได้ และลดการซื้อสินค้าหน้าร้านลง ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และไอทีหน้าร้านลดลงต่อเนื่องราว 7% ต่อปีและมีแนวโน้มที่จะลดลงต่อ โดยผลสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่าตลาดออนไลน์สำหรับผู้บริโภค เติบโตเกือบ 4 เท่าใน 2 ปีที่ผ่านมา จนมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทในปัจจุบัน และสินค้าที่นิยมซื้อทางออนไลน์มากที่สุดคือสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และไอที
นอกจากนี้ จากการสำรวจตลาดบัตรเครดิตยังพบว่าผู้บริโภคมีมูลค่าการใช้จ่ายออนไลน์ต่อครั้งสูงขึ้นถึงเฉลี่ยปีละ 24% และยังมีแนวโน้มจะเติบโตต่อ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความเชื่อถือในช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่ามูลค่าการซื้อสินค้าออนไลน์เฉลี่ยต่อครั้งแปรผันตรงกับรายได้ของผู้ซื้อ โดยการสำรวจในครั้งนี้พบว่า กลุ่มผู้มีรายได้สูงซื้อสินค้าออนไลน์ราคาเฉลี่ยต่อครั้งแพงกว่าผู้บริโภครายได้ปานกลางระดับบนถึง 2 เท่า และแพงกว่าผู้บริโภครายได้ปานกลางระดับล่างถึง 3 เท่า
ผู้ประกอบการควรจับตลาดให้ถูกจุด เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีการใช้จ่ายเติบโตดี ซึ่งจากภาพรวมการใช้จ่ายในปัจจุบัน คือ กลุ่มผู้มีรายได้สูง ดังนั้น กลุ่มธุรกิจควรเน้นการลงทุนในกลุ่มสินค้าและบริการระดับไฮเอนด์ ที่แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ และหากธุรกิจนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวจะยิ่งโดดเด่นน่าสนใจ
ส่วนผู้ประกอบการที่เน้นลูกค้ารายได้ปานกลางควรปรับตัว โดยให้ความสำคัญกับบริการและประสบการณ์ที่นำเสนอให้ลูกค้าในราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงการใช้ช่องทางออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในระยะยาว ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ นอกเหนือไปจากสินค้าและบริการหลักของร้าน ธุรกิจควรมีการปรับตัวให้น่าสนใจอยู่เสมอ ทั้งนี้ ช่องทางออนไลน์ก็เป็นสื่อสำคัญที่ช่วยสร้างการรับรู้ของลูกค้าในวงกว้าง อย่างไรก็ดี การออกโปรโมชั่นควรเป็นไปอย่างเหมาะสม จริงใจ เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มตรวจสอบข้อมูลมากขึ้น
ธุรกิจในกลุ่มสินทรัพย์เพื่อการลงทุนควรเน้นจับตลาดไฮเอนด์ ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางส่วนใหญ่อยู่ในภาวะการใช้จ่ายตึงตัว จำเป็นต้องลดการลงทุนลง กลุ่มสินทรัพย์เพื่อการลงทุนควรมุ่งเน้นไปยังกลุ่มไฮเอนด์ที่ยังมีความพร้อมในการลงทุน โดยเฉพาะในเวลานี้ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ กลุ่มผู้มีรายได้สูงกำลังมองหาการลงทุนในด้านอื่นที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่า