5 กรกฎาคม 2564 : รูปแบบการออมเงินในปัจจุบันมีหลากหลายให้ผู้ออมได้เลือกสรร และการออมเงินแต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงมากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่แต่ละประเภทสินทรัพย์ที่ผู้ออมเลือกออมเงิน หากเลือกออมเงินผ่านสินทรัพย์ประเภทตราสารทุนก็จะมีความเสี่ยงมากหน่อย แต่ผลตอบแทนก็สูงมากเช่นเดียวกัน แต่ถ้าออมเงินผ่านเงินฝากความเสี่ยงก็จะต่ำหน่อยแต่ผลตอบแทนก็จะต่ำ ผู้ออมจึงต้องเลือกออมเงินตามความสามารถในการรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้เป็นสำคัญ
หากเราตัดเรื่องการออมกับเรื่องความเสี่ยงออกไป แล้วการออมเงินประเภทใดที่คุ้มค่า แถมไม่ต้องโดนหักภาษีด้วย ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออมได้ไม่น้อย สำหรับสาวกที่ต้องการออมเงินแบบ “ไม่ต้องเสียภาษี” และ “มีผลตอบแทนเงินคืน” ด้วย ดูน่าสนใจไม่เบา
สำหรับวิธีออมเงินแบบคุ้มค่าเต็มไม่ต้องเสียภาษี
อันดับแรก เงินฝากออมทรัพย์ ฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ทุกบัญชีทุกธนาคาร ส่วนที่ดอกเบี้ยรับรวมไม่เกิน 20,000 บาทต่อปีได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี หากใครได้รับดอกเบี้ยรับรวมเกิน 20,000 บาท ก็ต้องเสียภาษีตั้งแต่บาทแรก ไม่ใช่เสียเฉพาะส่วนที่ยกเว้น และรวมถึงบัญชีออมทรัพย์ประเภทต่างๆ ด้วย เช่น ฝากไม่ประจำ ออมทรัพย์พิเศษ
อันดับสอง เงินฝากประจำปลอดภาษี
เงินฝากประจำที่ช่วยในเรื่องของระเบียบวินัยในการออม เพราะต้องฝากเท่ากันทุกเดือน โดยมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 24 เดือน และมีเงินฝากแต่ละครั้งไม่เกิน 25,000 บาท หรือรวมทั้งหมดไม่เกิน 600,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แต่ก็มีข้อจำกัดคือเงินฝากประจำแบบปลอดภาษีมีได้แค่คนละ 1 บัญชีเท่านั้น
อันดับสาม สลากออมสินของรัฐบาล
ออมแบบนี้ก็มีสิทธิ์ลุ้นๆ พอกับสลากกินแบ่งรัฐบาลเชียวแหละ เพราะได้ลุ้นรางวัลใหญ่กันทุกเดือน และได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ เรียกว่ารับดอกเบี้ยไปแบบเต็มๆ เพราะไม่ต้องเสียภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับเต็มจำนวน
อันดับสี่ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ อาจจะไม่ได้ถือเป็นการออมซะทีเดียวแต่ก็เข้าข่ายได้รับผลตอบแทนแบบไม่ต้องเสียภาษี เพราะได้หลักประกันเป็นความคุ้มครองชีวิต และมีผลตอบแทนที่ดี
อันดับห้า เงินฝากออมทรัพย์จากสหกรณ์
เงินฝากออมทรัพย์กับทางสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ของบริษัท สหกรณ์ออมทรัพย์สำหรับข้าราชการแต่ละหน่วยงาน ซึ่งดอกเบี้ยจะสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ทั่วไป และยังมีเงินปันผลให้แก่สมาชิกที่ถือหุ้นสหกรณ์ โดยไม่ต้องเสียภาษี
อันดับหก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพถือเป็นการออมเงินระยะยาว ไม่เสียภาษีทั้งจำนวน สำหรับเงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่อายุ 55 ปีขึ้นไป มีอายุงานและอายุสมาชิกกองทุนฯ 5 ปีขึ้นไป ดังนั้น หากคุณเปลี่ยนงาน หรือย้ายงาน ไม่ควรลาออกจากสมาชิกกองทุน ควรคงสภาพสมาชิกไว้ก่อน ถือว่าเป็นการสร้างวินัยในการออมเงิน และช่วยลดภาระทางภาษีด้วย
อันดับเจ็ด กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินควบคู่ไปกับการลดภาระภาษี สามารถเลือกกองทุนที่ให้ระดับผลตอบแทนได้ตามที่ต้องการ และความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง
และอันดับสุดท้าย ออมเงินในหุ้น โดยการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
กำไรที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สำหรับบุคคลธรรมดาที่เป็นผู้โอนขายหุ้นได้รับการยกเว้นภาษีทั้งจำนวน
จะเห็นได้ว่า การออมเงินแบบในแต่ละแบบก็มาพร้อมกับความคุ้มค่าและความเสี่ยงมากน้อยที่แตกต่างกัน ผู้ออมควรเลือกออมเงินตามความเหมาะสมของตนเองเป็นหลัก