11 ตุลาคม 2559 : นายชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการ ด้านตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่าปัจจุบันช่องทางการขายประกันภัยผ่านธนาคารได้รับความนิยมจากประชาชน ผู้เอาประกันภัยสูงขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายประกันชีวิต ดังจะเห็นได้จากตัวเลข ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 จำนวนเบี้ยประกันชีวิตรับรวมผ่านช่องทางธนาคาร มีจำนวนทั้งสิ้น 123,418 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง ร้อยละ 45.36 ของการขายประกันชีวิตรวมทุกช่องทาง
โดยขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 6.7 ในขณะที่จำนวนเบี้ยประกันวินาศภัยรับรวมผ่านช่องทางธนาคารมีจำนวนทั้งสิ้น 12,337 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.78 ของการขายประกันวินาศภัยรวมทุกช่องทาง ขยายตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4.16
สำนักงาน คปภ. ตระหนักถึงความสำคัญของการซื้อประกันภัยของประชาชนผ่านช่องทางธนาคารซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา จึงได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทยนำโดย นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เพื่อกำหนดกรอบแนวทางการกำกับและควบคุมคุณภาพการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยผ่านธนาคาร
ทั้งนี้ จากการหารือ สมาคมธนาคารไทยได้แจ้งแนวทางปฏิบัติร่วมกันของภาคธนาคารเพื่อปรับปรุงคุณภาพการขาย โดยจะมีการแยกพื้นที่การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยออกจากเคาน์เตอร์รับฝากเงิน และมีป้ายบอกอย่างชัดเจน รวมถึงการใช้กระบวนการในการกำกับและตรวจสอบคุณภาพการขายประกันภัยของธนาคาร ทั้งกระบวนการก่อน ระหว่างและหลังการขาย ซึ่งจะมีการนำเอาวิธีการสุ่มตรวจ (Mystery Shopping) มาใช้
อีกทั้งจะมีการจัดทำคู่มือประกอบการขาย และจัดอบรมความรู้เพื่อสร้างมาตรฐานการขายที่เป็นสากล สามารถยึดปฏิบัติได้เหมือนกันทุกธนาคาร นอกจากนี้สำนักงาน คปภ. ยังได้จัดทำข้อแนะนำ 12 ประการ แก่ประชาชนในการซื้อประกันภัยผ่านธนาคารเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขายประกันภัย โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
ก่อนซื้อ: ผู้ซื้อต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการซื้อประกันชีวิต ไม่ใช่การฝากเงินกับธนาคาร และมีสิทธิเลือกซื้อประกันภัยด้วยความสมัครใจ สามารถปฏิเสธได้หากไม่เป็นไปตามความต้องการ ซึ่งธนาคารเองก็
ไม่อาจใช้การทำประกันภัยเป็นเงื่อนไขต่อรองในการให้สินเชื่อหรือธุรกรรมอื่นได้ และที่สำคัญต้องขอดูใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันภัยของพนักงานธนาคารก่อนซื้อทุกครั้ง
ระหว่างซื้อ: ผู้ซื้อควรเลือกแบบประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองตรงกับความต้องการมากที่สุด และควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อยกเว้นของกรมธรรม์นั้นๆ หากไม่เข้าใจ ต้องสอบถามจากผู้ขายให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ อีกทั้งยังควรประมาณการรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยได้ครบตลอดระยะเวลาของสัญญาประกันภัย และควรกรอกใบคำขอเอาประกันภัยด้วยตนเองตามความเป็นจริง
หลังซื้อ: ผู้ซื้อต้องชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยเข้าบัญชีบริษัทประกันภัยเท่านั้น และจะต้องได้รับเอกสารการรับชำระเงินจากธนาคาร พร้อมเก็บไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว ควรตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่าถูกต้องและเป็นไปตามการเสนอขายหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่เสนอขาย สามารถยกเลิกได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย กรณีเกิดข้อสงสัยหรือข้อผิดพลาดในกรมธรรม์ ให้ติดต่อผู้ขายหรือบริษัทประกันภัยโดยเร็ว
ข้อแนะนำในการซื้อประกันภัยผ่านธนาคาร 12 ประการ ดังนี้
๑. ผู้ซื้อควรเข้าใจว่าการซื้อประกันชีวิต ไม่ใช่การฝากเงินกับธนาคาร
๒. ผู้ซื้อควรขอดูใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิต หรือประกันวินาศภัยของพนักงานธนาคาร ตามประเภทของกรมธรรม์ประกันภัย
๓. ผู้ซื้อควรเลือกแบบประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองตรงกับความต้องการของตนเอง
๔. ผู้ซื้อควรวางแผนและประมาณการรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยให้ครบตลอดระยะเวลาของสัญญาประกันภัย
๕. ผู้ซื้อควรเข้าใจถึงความคุ้มครอง และข้อยกเว้นของกรมธรรม์นั้นๆ หากไม่เข้าใจ ต้องสอบถามจากผู้ขายให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ รวมทั้งควรเก็บเอกสารประกอบการเสนอขายของธนาคารไว้
๖. ผู้ซื้อมีสิทธิเลือกซื้อประกันภัยด้วยความสมัครใจ และปฏิเสธได้ หากไม่เป็นไปตามความต้องการของตนเอง ทั้งนี้ ธนาคารไม่อาจใช้การทำประกันภัยเป็นเงื่อนไขต่อรองในการให้สินเชื่อ หรือธุรกรรมอื่น
๗. ในกรณีที่ต้องกรอกใบคำขอเอาประกันภัย ผู้ซื้อควรกรอกด้วยตนเอง หรือหากไม่ได้กรอก ด้วยตนเอง ผู้ซื้อจำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้อง โดยไม่ให้ข้อความที่เป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ก่อนลงลายมือชื่อในใบคำขอเอาประกันภัย
๘. ผู้ซื้อควรสอบถามถึงสิทธิและระยะเวลาในการยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย โดยผู้ซื้อสามารถใช้สิทธิยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ภายใน ๑๕ วัน นับจากวันที่รับกรมธรรม์ประกันชีวิต และได้รับเบี้ยประกันภัยคืนหลังจากหักค่าใช้จ่าย และค่าตรวจสุขภาพ (หากมี) ทั้งนี้ หากผู้ซื้อยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตหลังจากระยะเวลาดังกล่าว ผู้ซื้อสามารถใช้สิทธิเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตและได้รับมูลค่าเวนคืนตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต
๙. เมื่อผู้ซื้อชำระเบี้ยประกันภัย ให้ชำระเงินเข้าบัญชีบริษัทประกันภัยเท่านั้น และจะต้องได้รับเอกสารการรับชำระเงินจากธนาคาร พร้อมเก็บไว้เป็นหลักฐาน
๑๐. ผู้ซื้อควรสอบถามถึงช่องทางการติดต่อ หรือการเรียกร้องผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยจากผู้ขาย
๑๑. เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัยแล้ว ผู้ซื้อควรตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยว่าถูกต้องและเป็นไปตามการเสนอขายจากผู้ขายหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่เสนอขาย สามารถยกเลิกได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ในกรมธรรม์ประกันภัย กรณีเกิดข้อสงสัยหรือข้อผิดพลาดในกรมธรรม์ประกันภัย ให้ติดต่อผู้ขายหรือบริษัทประกันภัยโดยเร็ว
๑๒. ผู้ขายยังคงมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่อาจใช้ข้อแนะนำข้างต้นเป็นการอ้างสิทธิเหนือผู้บริโภค