23 มิถุนายน 2564 : นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง โดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ตามนโยบายของรัฐบาล ในพื้นที่ 22 จังหวัดติดชายฝั่งทะเล ได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล ตรัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ และระนอง วงเงินรวม 5,300 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2563 นั้น
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงาน มีความต่อเนื่อง สามารถบรรเทาปัญหาด้านสภาพคล่อง และทำให้ผู้ประกอบการประมงมีเงินทุนในการประกอบอาชีพ ปรับปรุงเรือประมง ปรับเปลี่ยนเครื่องมืออุปกรณ์การประมงให้ถูกต้อง ป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) พัฒนาและยกระดับการทำประมงให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล รักษาทรัพยากรทางธรรมชาติทางทะเลให้อยู่อย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. ได้ขยายเวลา การจ่ายสินเชื่อไปเป็นวันที่ 30 เมษายน 2569
สำหรับคุณสมบัติของผู้ประกอบการประมงที่เข้าร่วมโครงการ เป็นบุคคลธรรมดาอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ มีสัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในเรือประมงที่มีทะเบียนเรือไทย ทั้งประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ที่มีเรือประมงขนาด ต่ำกว่า 60 ตันกรอส และมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพประมงมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี กรณีเป็นผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ต้องมีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ และขอขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ กับกรมประมงไว้แล้ว
โดยมีวงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี ซึ่งผู้กู้ชำระดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 4 ต่อปี โดยรัฐบาลจะสนับสนุนดอกเบี้ยส่วนที่เหลือแทน กำหนดระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 7 ปี นับจากวันกู้ ในส่วนของหลักประกัน สามารถใช้ที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บุคคลค้ำประกัน หลักประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) / หรือหลักประกันอื่น ๆ ตามที่ธนาคารประกาศกำหนด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการประมงที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวกับ ธ.ก.ส. แล้วจำนวน 1,761 ราย จำนวนเงิน 543 ล้านบาท อนึ่ง ผู้ที่สนใจสามารถขอรับการสนับสนุนสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ 22 จังหวัดข้างต้นหรือสอบถามที่ Call Center 02 555 0555