11 มิถุนายน 2564 : นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศ ณ รอบผลการดำเนินงานจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 จำนวน 6 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ (K-GLOBE) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย
กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-CHINA-A(D)) ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเคหุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-Aชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ หุ้นทุน (K-GINFRA) ในอัตรา 0.15 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ ทุกกองทุนมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 มิถุนายน 2564 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 668.17 ล้านบาท
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-GA, K-GLOBE และ K-GINCOME-SSF มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 28.59%, 33.97% และ 19.01% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค. 64)
ทั้งนี้ จากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นแรงทำให้ตลาดผันผวนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้าอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังยืนยันจะผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไป ซึ่งช่วยลดความกังวลให้กับผู้ลงทุนส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกกลับมาฟื้นตัวต่อได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างเงินเฟ้อ การจ้างงาน ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอนาคต
สำหรับกองทุน K-CHINA-A(D) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 28.58% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค. 64) และมีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนทั้งสิ้น 22 ครั้ง เป็นเงิน 5.45 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลดีต่อห่วงโซ่อุปทานโลก (Supply Chain) โดยเฉพาะจีนที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่อันดับต้นๆ ทำให้เศรษฐกิจจีนยังเติบโตได้ดี อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีน โดยในแง่ระดับราคายังมีความน่าสนใจอยู่มาก
อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนการเติบโตในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทางด้านนวัตกรรม และการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ด้านกองทุน K-USXNDQ-A(D) มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 36.78% (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค. 64) และได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 31 พ.ค. 64)
นอกจากนี้ กองทุน K- USXNDQ-A(D) มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน โดยจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 31 ครั้ง เป็นเงิน 10.00 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยมองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงมีศักยภาพและมีอัตราการเติบโตสูงในระยะยาว แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกก็ไม่ได้กระทบโดยตรงต่อภาพการลงทุนของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เนื่องจากรูปแบบและพฤติกรรมการบริโภคของคนทั่วโลกได้เปลี่ยนไปแล้วแม้การระบาดของโควิด-19 จะสิ้นสุดลงก็ตาม
อีกทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีสามารถนำมาต่อยอดและปรับใช้ได้กับหลากหลายธุรกิจในมิติอื่นๆ อีกในอนาคตสำหรับกองทุน K-GINFRA มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 8.12% (ข้อมูลณ วันที่ 28 พ.ค. 64) ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ลงทุนต้องติดตามแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เนื่องจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีความอ่อนไหวต่อการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยทั่งโลกยังอยู่ในระดับที่ต่ำทำให้ผู้ลงทุนยังคงมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (Search for Yield) ดังนั้น หุ้นกลุ่มนี้จึงยังคงมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-GA, K-GLOBE, K-GINCOME-SSF, K-CHINA-A(D), K-USXNDQ-A(D) และ K-GINFRA สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทย รวมถึงผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888