กรุงเทพฯ 29 กันยายน 2559 : ไอเอฟเอส เผยไตรมาสสี่มุ่งนำระบบอีอาร์พี หนุนกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเตรียมความพร้อมสู่ดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น รองรับไทยแลนด์ 4.0 และก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 พร้อมตั้งเป้าเติบโต 10%
นายศรีดาราน อรูมูแกม รองประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ไอเอฟเอส ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กรชั้นนำระดับโลก จากประเทศสวีเดน กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2559 ว่า ใน ไตรมาสที่สี่ของปีนี้บริษัท ไอเอฟเอสจะมุ่งลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยคาดว่า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ทราสฟอร์เมชั่นมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่
ทั้งนี้อุตสาหกรรมควรเตรียมความพร้อมสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยบริษัทฯ จะเข้าไปช่วยปรับปรุง และเสริมประสิทธิภาพด้วยการนำระบบการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร หรืออีอาร์พี ที่ครอบคลุมการใช้งานอย่างครบวงจร และที่สำคัญมีความคล่องตัวในการใช้งานผ่านเดสก์ทอป แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน นอกจากนั้นยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงแนวโน้มและเชื่อมโยงกับระบบคลาวด์ ซึ่งสามารถดูข้อมูลแบบเรียล ไทม์ ด้วยโซลูชั่นของอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือไอโอที
ไอดีซี คาดการณ์ว่าจุดติดตั้งอุปกรณ์ปลายทางของไอโอที (IoT) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 13,000 ล้านชุดในปลายปี 2559 จนถึง 30,000 ล้านชุดในปี 2563 และอุตสาหกรรมที่ไอดีซี คาดการณ์ว่าจะมีการใช้จ่ายงบประมาณไปกับโซลูชันไอโอที (IoT) มากที่สุด คืออุตสาหกรรมด้านการผลิต การขนส่ง พลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงร้านค้าปลีกที่มีรูปแบบการใช้งาน ไอโอที (IoT) อย่างครอบคลุม
“เรากำลังก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต มาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า จะเป็นการบูรณาการโลกของการผลิตเข้ากับการเชื่อมต่อทางเครือข่ายในรูปแบบ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือ ไอโอที ( Internet of Things (IoT)) ทุกหน่วยของระบบการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบ เครื่องจักร เครื่องมืออุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์หน่วยต่างๆ เหล่านี้จะถูกติดตั้งระบบเครือข่ายเพื่อให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันอย่างอิสระเพื่อการจัดการกระบวนการผลิตทั้งหมดจะสามารถผลิตของหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันตามความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละรายเป็นจำนวนมากในเวลาพริบตาเดียว โดยใช้กระบวนการผลิตที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลครบวงจร แบบสมาร์ท แฟคตอรี่”
นอกจากกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าอื่นๆ อาทิ อุตสาหกรรมด้านอากาศยาน และยุทโธปกรณ์การรบ (Aerospace & Defense) อุตสาหกรรมการให้บริการ (service provider) อุตสาหกรรมด้านยานยนต์ ค้าปลีก การจัดการสินทรัพย์ อุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ และการก่อสร้าง โดยไอเอฟเอส มีแผนขยายพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญโซลูชั่นสำหรับลูกค้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ และการขยายตลาดในประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา ทั้งนี้คาดว่า บริษัท ไอเอฟเอสในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโต 10% ในปี 2559
ตลาดอีอาร์พีในประเทศไทยนั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลไทยกำลังผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่เศรษฐกิจอยู่บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และนวตกรรม ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยการ์ทเนอร์ได้คาดการณ์การเติบโตของตลาดอีอาร์พีในประเทศไทย จะมีอัตราการเติบโตที่ 14.91 % ระหว่างปี 2559 – 2563
สำหรับกลุ่มการบินและอากาศยาน เป็นตลาดหลักของบริษัท ไอเอฟเอส ทั่วโลก โดยในเดือนตุลาคมนี้ ทางบริษัทฯ ได้เข้าร่วมงาน แอร์ไลน์ แอนด์ แอโรสเปซ เอ็มอาร์โอ แอนด์ ไฟลท์ โอเปอเรชั่นส์ ไอที คอนเฟอเรนซ์ (Airline & Aerospace MRO & Flight Operations IT Conference) ที่จัดขึ้นโดยแอร์คาฟท์ คอมเมิร์ซ ( Aircraft Commerce) ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นงานประชุมระดับโลกด้านไอทีของกลุ่มการบินและอากาศยานเพียงงานเดียว ที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้านไอทีและการบริหารจัดการและการซ่อมบำรุงด้านการบิน
ส่วนกลุ่มลูกค้าปัจจุบันของไอเอฟเอฟในประเทศไทย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมด้านอากาศยาน และยุทโธปกรณ์การรบ (Aerospace & Defense) อุตสาหกรรมการให้บริการ (service provider) อุตสาหกรรมด้านยานยนต์ ค้าปลีก การจัดการสินทรัพย์ อุตสาหกรรมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ และการก่อสร้าง
อนึ่ง : ไอเอฟเอส เป็นบริษัทผู้นำที่ได้รับการยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมไอทีในการผลิตและพัฒนาซอฟแวร์ สำหรับธุรกิจชั้นนำระดับโลกด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) การบริหารจัดการสินทรัพย์ขององค์กร (Enterprise Asset Management หรือ EAM) และ การบริหารจัดการงานบริการขององค์กร (Enterprise Service Management หรือ ESM) ไอเอฟเอสได้ทำให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้ รวมถึงสามารถช่วยให้ลูกค้าเกิดความคล่องตัวทางธุรกิจและเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม ไอเอฟเอสเป็นบริษัทมหาชน (XSTO: IFS)
โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1983 (2526) และมีพนักงานมากกว่า 2,800 คนทั่วโลกโดยมีผู้ใช้งานซอฟแวร์ไอเอฟเอสมากกว่า 1 ล้านผู้ใช้งานทั่วโลกผ่านเครือข่ายท้องถิ่นและพันธมิตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไอเอฟเอสได้ที่ IFSworld.com