19 เมษายน 2564 : น.ส. รัชดา ตั้งหะรัฐ กล่าวว่า “กลุ่ม บลจ. ยูโอบี ทั่วภูมิภาคให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะการมีธรรมาภิบาลมาโดยตลอด ถือเป็นวิสัยทัศน์หลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจ UOBโดยได้พัฒนาแนวคิด Sustainability นำมาปรับใช้ในองค์กรในทุกมิติ ทั้งในด้านความยั่งยืนในแง่องค์กรและการลงทุน
โดยเป็นการลงทุนที่ประเมินปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)หรือที่เรียกกันว่า ESG โดยการใช้ข้อมูล ESG มาผนวกในการวิเคราะห์ (ESG Integration) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยเสริมกระบวนการลงทุน ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด”
“ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจ UOB ได้เข้าร่วมลงนามกับUNPRI (Principles for Responsible Investment) ซึ่งเป็นสถาบันการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบชั้นนำของโลก ดำเนินการเสริมESG เข้าสู่กระบวนการลงทุนตามแนวทางของ UNPRI และเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับการลงทุนตามหลัก ESG ถือเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของกลุ่ม บลจ. ยูโอบี ที่จะนำเสนอทางเลือกของกลยุทธ์การลงทุน(Investment Solution) ที่มีความรับผิดชอบสำหรับนักลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยมั่นใจว่าการนำหลักESG มาเสริมนั้น จะเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจแก่ผู้ลงทุนได้ในระยะยาว และเราเชื่อว่าการลงทุนที่ยั่งยืนเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่โลกกำลังเผชิญอยู่”
นางสาวรัชดา กล่าวทิ้งท้ายว่า“จากมุมมองของการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อการลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มองว่าการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจและยั่งยืนได้ในทุกสภาวะการลงทุน โดยได้จับมือกับพันธมิตร ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เน้นด้าน ESGระดับโลก Robeco Institutional Asset Management B.V. จัดตั้งกองทุนตราสารหนี้โลกกองทุนแรกของไทย ที่ลงทุนในธีมแนวคิด ESG กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI) เพื่อนักลงทุนไทยได้มีโอกาสในการลงทุนที่ยั่งยืนเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า“
ในปัจจุบันนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนอย่างยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งการพิจารณาการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่มุ่งเน้นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment)สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)หรือที่เรียกกันว่า ESG โดยการใช้ข้อมูล ESG มาผนวกในการวิเคราะห์ (ESG Integration) เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
โดยทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำต่างๆได้มีการนำปัจจัยด้านESG มาเป็นหนึ่งในการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดความตื่นตัวต่อการดำเนินธุรกิจตามกรอบESG ของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ในปัจจุบันมีนักลงทุนที่เข้าร่วมลงนามเพื่อดำเนินธุรกิจและลงทุนภายใต้แนวทางของUN PRI มากกว่า 3,000 ราย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึง120% ภายในช่วงระยะเวลาเพียง 5ปี และนักลงทุนเหล่านี้มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง103 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูลจากwww.unpri.org) ซึ่งจะทำให้เกิดมูลค่าเงินลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับESG ในด้านต่างๆตามมา
แม้ว่าการลงทุนในกองทุนESG อาจเป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับความสนใจมากนักในประเทศไทย อย่างไรก็ตามการลงทุนอย่างยั่งยืนนี้อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนได้ อีกทั้งการลงทุนESG นั้นเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตมากขึ้นโดยเฉพาะในต่างประเทศ เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนไทยควรเริ่มหันมาศึกษาการลงทุน
นักลงทุนที่สนใจลงทุนกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ (USI)สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมและหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ฝ่ายงานบริการนักลงทุน โทร.0-2786-2222 หรือ thuobamwealthservice@uobgroup.com และธนาคาร ยูโอบี ทุกสาขา หรือสามารถทำรายการซื้อกองทุนผ่านบริการ ‘Premier Onlineที่ ‘UOBAM Invest’ mobile application ซึ่งเป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกในการทำรายการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย.