15 มีนาคม 2564 : เงินบาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาขยับตัวอ่อนค่า และแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 30.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ซึ่งมีแรงหนุนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหลายกูรูทางกสรเงินต่างพากันมองในทิศทางเดียวกันว่า บอนด์ยีลด์แรงยังไม่ตก เงินบาทและหุ้นไทยยังสะท้อนผลกระทบต่อเนื่อง นักลงทุนยังต้องจับตาอยู่
สำหรับทิศทางเงินบาทสัปดาห์นี้ ยังคงต้องจับตาเงินบาทอย่างต่อเนื่อง เพราะระหว่างวันที่ 16-17 มี.ค.2564 นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะมีการประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลต่อบอนด์ยีลด์ในต่างประเทศอีกครั้ง
ด้านกูรูทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ได้มีการประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้(15-19 มี.ค.) มีโอกาสเคลื่อนไหวที่ระดับ 30.50-30.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามไว้เช่นกัน ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (16-17 มี.ค.) ทิศทางบอนด์ยีลด์ต่างประเทศ และประเด็นของเรื่องวัคซีนต้านโควิด 19 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน อาทิ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนก.พ.
ด้านฝั่งตลาดหุ้นไทย ด้วยบอนด์ยีลด์ในต่างประเทศปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนเช่นกัน ซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในข่วงที่ผ่านมา เงินบาทขยับอ่อนค่า แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 30.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ซึ่งมีแรงหนุนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนตามจังหวะการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ ก่อนจะกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งและหนุนเงินดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ (12 มี.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.77 เทียบกับระดับ 30.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 มี.ค.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-19 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,550 และ 1,520 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,585 และ 1,600 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (16-17 มี.ค.) ปัจจัยการเมืองในประเทศ รวมถึงสถานการณ์โควิด 19 ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน