23 กุมภาพันธ์ 2564 : ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2563 ว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยเฉพาะการกลับมาระบาดระลอกใหม่ ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ และให้ความสำคัญกับการทำประกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรค อย่างประกันโควิด-19 ที่มียอดขายทะลุล้านกรมธรรม์ และปัจจุบันยังคงมียอดคำสั่งซื้อทั้งลูกค้าต่ออายุและลูกค้ารายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการประกันภัยและ TQM
โดยภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้ 3,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.17% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นรายได้จากการให้บริการ เป็นจำนวน 3,082.5 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากเงินลงทุน 53.5 ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการการทำงาน และควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แตะ 702 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่อง ซึ่งประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 มีมติจ่ายเงินปันผล 1.15 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (RD) วันที่ 10 มีนาคม 2564 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564
“ผลงานปี 2563 TQM ยังคงแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากการเตรียมความพร้อมทั้งในแง่เทคโนโลยีที่รองรับทั้งงานขายและงานบริการ และด้านบุคลากรที่พร้อมขานรับและปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทฯ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และรูปแบบการทำงานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการขายที่สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปได้ทันสถานการณ์ ซึ่งโควิดทำให้ TQM มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 2 ล้านรายทั่วประเทศ กลับเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 ล้านราย รวมเป็น 3 ล้านราย จากการซื้อประกันโควิดภายในระยะเวลา 3 เดือน” ดร.อัญชลิน กล่าว
ด้านดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานปี 2564 TQM ยังคงตอกย้ำการเป็นผู้นำเทรนด์ดิจิทัลอินชัวร์รันส์โบรคเกอร์ ด้วยการเดินหน้า “Digital Transformations” เพิ่มประสิทธิภาพงานขายและบริการอย่างเต็มรูปแบบ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้า ทั้งการพัฒนา Mobile Application ภายใต้บริการ TQM24 “เคลม ดู ต่อ จ่าย” จบครบเรื่องประกันง่ายๆเพียงปลายนิ้วสัมผัส รวมถึงการมุ่งขยายงานขายประกันบ้านด้วย Home Platform ควบคู่ไปกับการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ คิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล
นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบเฉพาะกลุ่ม เน้นความคุ้มครองที่คุ้มค่าภายใต้ราคาที่จับต้องได้ อาทิ ประกันภัยสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้อย ประกันรถยนต์ซึ่งพัฒนาความคุ้มครองให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานและมีแผนที่จะส่งนวัตกรรมประกันภัยประเภทต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้กว่า 20 ผลิตภัณฑ์ประกัน ขณะเดียวกันในส่วนของกลุ่มลูกค้าองค์กรได้เตรียมแผนในการเข้าทำตลาดมากขึ้นด้วยแผน Corporate Solutions ที่มีทั้งงานขายและงานบริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าองค์กร
โดย บริษัทฯ ยังมีนโยบายในการร่วมลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการที่สนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจระหว่างกัน เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งตามเป้าหมาย ผลักดันยอดขายเพิ่มสูงขึ้นกว่า 25,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 และขยับแตะ 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569
"ตัวเลข 50,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขไม่ไกลเกินฝัน โดยคาดว่าจะมาจากธุรกิจโบรกเกอร์ 35,000 ล้านบาท จากการควบรวมกิจการ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายปีนี้ 2564 คาดว่าจะมีเบี้ยรับรวม 25,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจโบรกเกอร์ 17,250 ล้านบาท จากการซื้อกิจการและควบรวม 10,000 ล้านบาท โดยจะควบรวมกิจการอีก 2 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาตกลง แต่คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้ " ดร.นภัสนันท์ กล่าว
ดร.นภัสนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตภายใต้ 5 กลยุทธ์หลัก (ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี) ประกอบด้วย 1.Strengthen existing channels การรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายโดยแบ่งความต้องการของลูกค้าราย Segment พร้อมขยายช่องทางการขายทั้งออนไลน-ออฟไลน์ และรุกตลาดลูกค้าองค์กรมากขึ้น ด้วยงานขายและบริการกับบริการรับให้คำปรึกษาด้านการจัดการสินไหมทดแทนแบบครบวงจร (Corporate Solutions), 2.Grow sales through cross-selling นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่เพิ่มโอกาสในการขายกับลูกค้าเดิมมากยิ่งขึ้น
3. Enhance insurance ecosystem through strategic partnership การร่วมกับพันธมิตรผ่านโครงการ TQM Transformations เพื่อนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับระบบงานของ TQM และกลุ่มบริษัท ให้เกิดความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อระหว่างลูกค้าและบริษัทฯ ด้วยแนวคิด ‘ลูกค้าเข้าถึงเรา เราเข้าถึงลูกค้า’, 4. Grow inorganic through M&A การร่วมลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่มีธุรกิจที่จะเป็นการส่งเสริมระหว่างกัน เช่น การร่วมลงทุนใน บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR ซึ่งเป็นพันมิตรทางธุรกิจมาอย่างยาวนาน และ 5. Expand regional ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ อาทิ กลุ่มประเทศ CLMV ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อส่งมอบให้ผู้บริโภค