22 กุมภาพันธ์ 2564 : นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ TMBAM Eastspringและ Thanachart Fund Eastspring เปิดเผยว่า บริษัทยังคงดำเนินการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 2 ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ตลอดปี 2563 ทั้งสองบริษัทได้เริ่มทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนให้ก้าวผ่านปีที่ท้าทายจากความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก โดยเฉพาะผลกระทบจาก COVID-19
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้บุกเบิกโอกาสการลงทุนใหม่ๆแก่ผู้ลงทุนไทยเพื่อรองรับการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และภายใต้แบรนด์ใหม่ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (Eastspring Investments) ที่คาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกรกฎาคม 25642 โดยจะทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวตามเป้าหมายร่วมในการทำงานของเรา เพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญในเอเชีย เพื่อการลงทุนในอนาคตของคุณ (Experts in Asia. Invested in Your Future.)
บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) แตะ 1 ล้านล้านบาท หลังทั้งสองบริษัทควบรวมทั้งสองธุรกิจเรียบร้อยแล้วภายในระยะเวลา 4 ปีนับจากนี้ (ปี2568) และตั้งเป้าหมายครองตำแหน่งการลงทุนในตลาดต่างประเทศของไทย โดยอยากให้อีสท์สปริงเป็นบลจ.ที่นักลงทุนคิดถึงเป็นอันดับแรก
"บริษัทคาดว่าจะควบรวมแล้วสำเร็จประมาณเดือนก.ค.2564 นี้ ขณะนี้ขึ้นอยู่กับกฎหมายและการพิจารณาอนุมัติของหน่วยงานด้านกำกับของไทยเพื่อให้เป็นธุรกิจเดียว ภายใต้ชื่อ "อีสท์สปริง ประเทศไทย" "นายอดิศร กล่าว
ทั้งนี้ AUM ณ สิ้นเดือนม.ค.2564 ของบลจ.ทหารไทยฯ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 220,811 ล้านบาท ส่วนบลจ.ธนชาตฯอยู่ที่ระดับ 184,289 ล้านบาท หากควบรวมกันเป็นบริษัทเดียวกัน AUM จะปรับตัวแตะระดับกว่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันหากรวมAUMทั้งสองบริษัทอยู่ในระดับสูงถึง 430,000 ล้านบาท ผลักดันให้ธุรกิจขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 5 ของอุตสาหกรรม โดยมีมาร์เก็ตแชร์ขยับเพิ่มมาอยู่ที่ 8% อย่างไรก็ตาม คาดว่าสิ้นปี 2564 จะมี AUM เพิ่มขึ้นอีก 100,000 ล้านบาทหลังจากควบรวมธุรกิจแล้ว
นายอดิศร กล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้พาผู้ลงทุนไทยไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ กว่า 1 ใน 3 ของการออกกองทุนเพื่อระดมทุนครั้งแรก (IPO) สำหรับกองทุนต่างประเทศ (FIF) ในรอบปี 2563 หรือกว่า 40,000 ล้านบาทคือผลงานของ TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring ซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวได้เติบโตขึ้นเป็นกว่า 60,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี
กองทุนที่โดดเด่น อาทิ กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO ที่มีการลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund เพียงกองทุนเดียว ด้วยมีแนวทางการลงทุนแบบใหม่ ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยที่ทันสมัยเน้นลงทุนในนวัตกรรมแห่งอนาคตที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในสิบปีข้างหน้า
โดยจากการเปิดเสนอขายในช่วงเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง สินทรัพย์ภายใต้การจัดการสุทธิ (AUM) เติบโตอย่างต่อเนื่องจนมียอดรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท