26 กันยายน 2559 : “บล.KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (26-30 ก.ย.) เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ ตลาดจับตาเรื่องการดีเบตผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมผู้ผลิตน้ำมัน แนะกลยุทธ์ปิดรอบการซื้อ รอจังหวะรอบใหม่ หุ้นเด่นได้แก่ TSE , PIMO, TCAP , HTECH, TVO, AUCT, GENCO กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ แนวรับอยู่ที่ 1,477 – 1,451 แนวต้านอยู่ที่ 1,506 -1,521 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่าทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ (26-30 ก.ย.) เนื่องจากเป็นสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาสที่ 3 นักลงทุนอาจซื้อขายแบบระมัดระวังกันมากขึ้น รวมทั้งมีปัจจัยที่ต้องติดตามและมีผลต่อตลาดไม่ว่าจะเป็นการดีเบต (Debate) ระหว่างผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2 ท่านในวันจันทร์ และการประชุมผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งทั้งสองเรื่องมีผลต่อทิศทางตลาดค่อนข้างมาก เราจึงประเมินว่านักลงทุนจะรอตัดสินใจบนผลของ 2 ปัจจัยนี้ ประเมินในเบื้องต้น ไม่น่าจะออกมาเป็นบวกต่อตลาดได้มากนัก ทิศทางตลาดจึงน่าจะเป็นผันผวนในกรอบแคบมากกว่า
โดยตัวแปรสำคัญๆของตลาด KTBST ให้น้ำหนักสำคัญกับ 2 ตัวแปร คือ การดีเบตระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นางฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในวันจันทร์ (26 ก.ย.) ซึ่งจะเป็นการโต้วาทีเป็นครั้งแรกจากจำนวน 3 ครั้ง ระหว่างผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรค เหตุที่สำคัญต่อตลาด เพราะนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั้น ถูกมองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายต่างๆ ค่อนข้างมาก หากมีอะไรก็ตามที่เป็นสัญญาณว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น
ขณะที่การประชุมผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC-ผู้ผลิตนอกกลุ่ม) เช่นเดียวกับที่แสดงความเห็นในสัปดาห์ก่อน แม้จะมีการประชุมจริง แต่ผลการประชุมอาจแค่พยุงราคาน้ำมันไว้ให้แกว่งในกรอบ $40-50 เหรียญ เท่านั้น ไม่ขึ้นไกลกว่านี้ เพราะ Supply ไม่ได้ลดลงจากระดับปัจจุบัน เราจึงไม่คาดหวังอะไรกับการประชุมครั้งนี้ ข่าวล่าสุด ว่าจะประชุม 28 ก.ย.นี้ เริ่มมีบางประเทศ (ที่จะเข้าประชุม) ประเมินว่าไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ก็ตาม ซึ่งหากผลกาประชุมออกมาแล้วชี้ว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปเหนือ $50 เหรียญได้ จึงจะเป็นบวกต่อตลาดและหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน+โรงกลั่นน้ำมัน แต่ถึงกระนั้นผลในทางลบต่อราคาน้ำมัน จะเป็นลบต่อหุ้นเหล่านี้ไม่มาก เนื่องจาก ตลาดไม่ได้ให้ราคากับการประชุมครั้งนี้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ผลพวงจากการประชุม FOMC และ BOJ คาดจะยังมีผลบวกต่อตลาดหุ้นในและต่างประเทศอยู่ เนื่องจากการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ที่อย่างเร็ว ประชุมครั้งต่อไป คือ 1-2 พ.ย.เลย ขณะที่ BOJ นั้น นโยบายการเงินอย่างยังดูไม่ชัดนักว่าการใช้ QQE จะให้ผลในทางใด การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทยปี 2559 นั้นแรงซื้อเดือน ก.ย. จนถึงวันที่ 23 ก.ย. ดูแผ่วไปบ้างและยอดซื้อสะสมปีนี้ ยังวนเวียนแถวๆ 1.3 แสนล้านบาทไม่เปลี่ยน น่าจะเป็นสัญญาณว่าเงินก้อนใหม่มีน้อยลง โดยเงินลงทุนที่มีอยู่ เป็นเงินที่วนสลับในตลาดหุ้น-พันธบัตร หรือสลับในหุ้นด้วยกัน แบบนี้เป็นสัญญาณว่า SET Index จะขึ้นไปได้ ก็ไม่ไกล ถ้าไม่มีเงินก้อนใหม่ๆเข้ามา
ด้านตัวเลขส่งออกไทย เดือน ส.ค. ในวันที่ 26 หรือ 27 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์ จะรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือน ส.ค. ผลสำรวจจาก Bloomberg คาดมูลค่าส่งออก $1.74 หมื่นล้านเหรียญ ลดลง 1.4% YoY (ก.ค. -6.4%) และมูลค่านำเข้า $1.62 หมื่นล้านเหรียญ ลดลง 4.3% YoY (ก.ค. -7.2%) โดยมูลค่าการส่งออกช่วง 7 เดือนแรก ลดลง 2.3% YoY ; ไม่รวมทองคำ จะลดลง 5.2% YoYหากตัวเลขออกมาตามที่คาด จะบ่งชี้ว่าภาคส่งออกของไทย และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัว หุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าส่งออกสูงของไทยที่เดือนก.ค.ยังติดลบ จะเป็นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป
นายมงคล ยังกล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ มองว่าการเข้าทำกำไรในจังหวะรีบราวน์จากสองสัปดาห์ที่ผ่านมาน่าจะหมดลง นักลงทุนที่เก็งกำไรระยะสั้นๆ ควรปิดรอบการเล่นไปก่อนแล้วรอหรือเลือกลงทุนในหุ้นตัวใหม่ ที่ขึ้นน้อยแต่คงต้องปรับเป็นลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ การเข้าลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ ควรรอสัญญาณบวกทั้งจากการ debate ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯและผลประชุมน้ำมัน หรือดัชนีฯ ดีดตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,500 จุด ให้ได้ก่อน มองกรอบแนวรับของสัปดาห์นี้อยู่ที่ 1,477 – 1,451 ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,506 -1,521 จุด
“หุ้นที่น่าสนใจ แบ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจ่ายเงินปันผลดี สม่ำเสมอและได้ประโยชน์ต่อจากการ Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป ได้แก่ DIF , SPALI หุ้นกลุ่มส่งออกหรือรายได้อิงดอลล่าร์ ได้แก่ KCE , TOG , BANPU หุ้นเด่นๆในพอร์ตที่ KTBST วิเคราะห์มองว่าราคาลงมาจนน่าสนใจ ได้แก่ TSE , PIMO, TCAP หุ้นที่มีประเด็นบวกอื่นๆ หรือราคาลงมามาก ได้แก่ HTECH, TVO, AUCT, GENCO”