กรุงเทพฯ 12 กุมภาพันธ์ 2564 : บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” เผยว่ากองทรัสต์ได้รับเงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ จำนวน 2,819.7 ล้านบาท จากการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจำนวน 241 ล้านหน่วย ที่ราคาหน่วยละ 11.70 บาท ให้แก่ ประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ภายใต้การเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate)
แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดหุ้นของประเทศไทยแต่การเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนในครั้งนี้ของกองทรัสต์ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยมีนักลงทุนสถาบัน และ นักลงทุนรายใหญ่ได้ทำการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเกินสิทธิที่ตนเองมีอยู่ส่งผลให้ในครั้งนี้กองทรัสต์สามารถขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมได้เต็มจำนวนที่เสนอขายทั้งหมด 241 ล้านหน่วย
ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และ กลยุทธ์การสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนของกองทรัสต์ รวมถึงความสามารถในการบริหารทรัพย์สินเชิงรุก การลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ และ การบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การดำเนินงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลของผู้จัดการกองทรัสต์ ที่ผ่านมา FTREIT เป็นกองทรัสต์กองแรกในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate)
นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ FIRM กล่าวว่า “การเพิ่มทุนในครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้โดยกองทรัสต์สามารถขายหน่วยทรัสต์ได้เต็มจำนวนที่ได้มีการเสนอขายทั้งหมด เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในผลการดำเนินงานอันแข็งแกร่งของกองทรัสต์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอันเนื่องจากการบริหารเชิงรุกของผู้จัดการกองทรัสต์ อันได้แก่ การบริหารทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ และ การลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพซึ่งมีที่ตั้งในทำเลยุทธศาสตร์ทางด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติคส์
เงินทุนจากการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ในครั้งนี้กองทรัสต์จะนำมาชำระหนี้เงินกู้ยืมที่เกิดขึ้นจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สินในช่วงเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม 2563ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทรัสต์จะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อสินทรัพย์รวมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาอันดับความน่าเชื่อถือให้อยู่ในระดับการลงทุน (Investment Grade) ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของกองทรัสต์อยู่ในระดับที่เหมาะสมสอดคล้องกับตลาดโดยทั่วไป โดยปัจจุบันอันดับความน่าเชื่อถือของกองทรัสต์อยู่ที่ระดับ A (Stable)”