10 กุมภาพันธ์ 2564 : นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนทั้งในตลาดเงิน ตลาดทุน ทั่วโลก ณ ปัจจุบัน อาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงหรือความผันผวนที่สูงขึ้นในปี 2564 นี้ ทั้งจากสาเหตุความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด -19 ในแต่ละภูมิภาค ตัวเลขทางเศรษฐกิจโดยรวมที่เริ่มมีการปรับประมาณการการเติบโตลงจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) หรือ IMF
รวมไปถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ว่าจะยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามประมาณได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจากปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนนี้ บลจ.กรุงไทย จึงแนะนำนักลงทุนให้มองหาทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมและสามารถเพิ่มโอกาสสร้างความมั่นคงจากการลงทุนในระยะยาวได้ สำหรับในช่วงตรุษจีนนี้ ธีมการลงทุนแบบ “มั่งมีศรีสุข” จึงน่าจะตอบโจทย์สำหรับนักลงทุนที่อาจจะไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ ข่าวสาร การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนั่นเอง
ธีมการลงทุนแบบ “มั่งมีศรีสุข” ประกอบไปด้วย 4 กองทุน อันได้แก่
กองทุนเปิดกรุงไทยมั่งคั่ง (KTMUNG-A) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงประมาณการสัดส่วนการลงทุนเน้นตราสารทุน 75% ตราสารหนี้สัดส่วน 15% ตราสารทางเลือก 10%
กองทุนเปิดกรุงไทยมีทรัพย์ (KTMEE-A) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ตั้งแต่ปานกลางถึงสูง มีประมาณการสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน 50% ตราสารหนี้สัดส่วน 40% ตราสารทางเลือก 10%
กองทุนเปิดกรุงไทยศรีสิริ (KTSRI-A) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยถึงปานกลาง มีประมาณการสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 65% ตราสารทุน 25% ตราสารทางเลือก 10%
กองทุนเปิดกรงไทยสุขใจ (KTSUK-A) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย มีประมาณการสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ 80% ตราสารทุน 10% และตราสารทางเลือก 10%
ทั้งนี้ มุ่งเน้นการลงทุนแบบการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) ในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ผ่าน Fund of Funds ภายใต้บริษัทจัดการกองทุน เน้นการกระจายน้ำหนักการลงทุนให้เหมาะสมกับวัฎจักรเศรษฐกิจระยะยาวในแต่ละช่วงเวลาและความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ (Strategic Asset Allocation) และจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งไม่เกิน 79% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
โดยผู้จัดการกองทุนจะมีการบริหารพอร์ตให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดที่มีความผันผวน มีการติดตามและกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหน่วยอย่างต่อเนื่อง ผู้จัดการกองทุนยังสามารถเพิ่มหรือลดน้ำหนักสินทรัพย์ได้ตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาดที่อาจจะมีความผันผวนได้ในระยะสั้น (Dynamic Tactical Asset Allocation) เพื่อแสวงหาโอกาสในการสร้างผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ให้ได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3% ต่อปี 5% ต่อปี 7% ต่อปี และ 9% ต่อปี ตามลำดับ*
*อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัดข้างต้น เป็นเพียงการกำหนดตัวชี้วัดของกองทุนที่เกิดจากการจัดทำแบบจำลองการลงทุนย้อนหลัง 7 ปี ซึ่งกองทุนมิได้รับประกันผลตอบแทนดังกล่าว ทั้งนี้ มูลค่าของทรัพย์สินที่กองทุนลงทุนอาจมีความเคลื่อนไหวไปตามสภาวะตลาดในขณะนั้น ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าหรือมากกว่าอัตราผลตอบแทนที่กำหนดเป็นตัวชี้วัดได้ โดยระยะเวลาลงทุนที่เหมาะสมควรเป็นการลงทุนในระยะกลาง-ยาว / กองทุนมีปัจจัยความเสี่ยง อาทิ ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk) และ ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยกองทุนนี้พิจารณาความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เป็นต้น
คำเตือน : ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งกองทุนนี้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนนี้มีปัจจัยความเสี่ยง อาทิ ความเสี่ยงทางตลาด ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งกองทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน