3 กุมภาพันธ์ 2564 : นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ภายใต้ภาวะความไม่แน่นอนจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ธนาคารยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง และการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันก็เดินหน้าสู่เส้นทางใหม่ตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ เพื่อก้าวสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน ซึ่งพร้อมเป็นพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือและเชื่อมโยงทุกความต้องการด้านการเงินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างครอบคลุมทั่วภูมิภาค
ในปี 2564 ธนาคารคาดว่าเงินให้สินเชื่อจะเติบโตในระดับ 3-5% จะเน้นสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อนี้ไว้ที่ 5-6% ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีและรายย่อยตั้งเป้าหมายที่ 3-4% ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปีนี้ที่ 3.1 – 3.3% ส่วนการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.7%
พร้อมกันนี้ ธนาคารยังคงตั้งสำรองฯในระดับสูงแต่น้อยกว่าปีที่แล้ว เพื่อรอบรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 พร้อมผลักดันธุรกิจดิจิทัล โดยวางงบลงทุนด้านดิจิทัลนับจากปีนี้ไปเฉลี่ยต่อปีที่ 8,000-8,500 ล้านบาท
ส่วนแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ปี 2564-2566 ธนาคารมุ่งให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่กับการเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ ๆ ภายนอกประเทศ โดยได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 5 ประการ คือ 1.การปฏิรูปธุรกิจลูกค้ารายย่อยให้เป็นหนึ่งเดียว (One Retail Transformation) โดยอาศัยฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ของกรุงศรีเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าและสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับประสบการณ์ลูกค้าในทุกช่วงชีวิต
2.การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านลูกค้าธุรกิจ (Commercial Business Enhancement) ผ่านการเร่งสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับห่วงโซ่ธุรกิจ (value chains) และการให้บริการข้ามกลุ่มลูกค้า 3.การสร้างระบบนิเวศของกรุงศรีเองและการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ (Ecosystem and Partnership) เพื่อขยายฐานลูกค้า
4.การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Expansion) เปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับกรุงศรีและลูกค้าในตลาดอาเซียน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการลงทุนและการช่วยเหลือลูกค้าในการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในอาเซียน และ 5.การสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Revenue Stream) โดยอาศัยความแข็งแกร่งและศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของกรุงศรีในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นใหม่ๆ
สำหรับแผนนำบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ธุรกิจในเครือเข้าระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ซึ่งได้มีการยื่นขอเสนอซื้อขายครั้งแรก (IPO) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา คาดว่า หากได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว บ.เงินติดล้อจะเข้าระดมทุนได้เร็วสุดได้ในปลายปี 2564 และช้าสุดไม่เกินกลางปี 2565 ส่วนช่วงราคาอยู่ระหว่างพิจารณา ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและความต้องของนักลงทุนเป็นหลัก สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในบ.เงินติดล้อ หากต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นธนาคารกรุงศรีฯจะลดสัดส่วนลงมาไม่ต่ำกว่า 30%