28 มกราคม 2564 : TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring เชื่อ “หุ้นสหรัฐ” และ “หุ้นจีน” ยังน่าสนใจและมีโอกาสไปต่อ ดังนั้นในแง่การลงทุนอาจไม่ต้องเลือกว่าจะอยู่ข้างใคร แนะทยอยสะสมเพื่อดักโอกาสปีนี้ ชูกองทุนนวัตกรรมโลก GINNO และกองทุนจีนแผ่นดินใหญ่ CHINA A คาดอนาคตยังสดใส
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (Thanachart Fund Eastspring) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) แสดงความมั่นใจว่าในปีนี้ผลตอบแทนจากหุ้นจีนและหุ้นสหรัฐฯยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เศรษฐกิจจีนภาพรวมยังดูดีเห็นได้จาก กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงแข็งแกร่งทั้งด้านการค้า การลงทุน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนสหรัฐฯเองแม้ภาพรวมอาจดูว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาก แต่เนื่องด้วยบริษัทที่ขับเคลื่อนดัชนีหุ้นสหรัฐฯส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน ทำให้ที่ผ่านมาหุ้นสหรัฐฯยังสามารถให้ผลตอบที่ดีได้
ส่วนความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าของทั้งสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจนั้น แม้ว่าจะมีนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าความสัมพันธ์ของสหรัฐ-จีน อาจไม่ต่างกับสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างมีนัยยะสำคัญ แต่สิ่งที่มีความต่างกัน คือ การดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของประธานาธิบดีคนใหม่อย่างนายโจ ไบเดน ที่คาดว่าจะใช้วิธีการกดดันที่ไม่รุนแรง และน่าจะจับมือหรือให้การสนับสนุนมากกว่า
นายอดิศร ให้ความเห็นต่อว่าเศรษฐกิจจีนนั้นมีความน่าสนใจ IMF มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะมีการเติบโตที่สูงกว่ากลุ่มประเทศอื่นๆ โดยในปี 2021 คาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 8% ซึ่งเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตสวนกระแสโลก เนื่องมาจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆในจีนที่มีการพัฒนาไปไกลมาก และด้วยการศึกษาสูงขึ้นและมีทักษะแรงงานมากขึ้น จึงทำให้ประชากรจีนส่วนหนึ่งมีรายได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงยิ่งส่งเสริมให้มีการบริโภคในประเทศมากขึ้นไปอีก
ขณะที่การควบคุม COVID-19 ในจีนทำได้ดีจากจัดการที่เข้มงวด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการจ้างงานทำให้อัตราว่างงานลดลงยิ่งเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับมูลค่าตลาดที่ยังน่าสนใจ จะพบว่าหุ้นจีนแม้จะทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าราคาไม่แพงนัก โดย PE ของหุ้นจีนยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้น กองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่จึงมีความน่าสนใจมาก เพราะจะได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศที่กำลังกลับสู่ภาวะปกติ และยังมีปัจจัยสนับสนุนจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับตลาดจีนในระยะยาว
กองทุน T-ES-CHINA A และ TMB-ES-CHINA A ลงทุนในกองทุนหลักคือ กองทุน UBS (Lux) IS - China A Opportunity จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 โดยผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงวันที่ 25 มกราคม 2564 นั้น กองทุน T-ES-CHINA A ทำผลตอบแทนได้ 48.71% Benchmark (MSCI China A onshore NR) 44.29% ในขณะที่ TMB-ES-CHINA A ทำผลตอบแทนได้ 48.37% Benchmark (MSCI China A onshore NR) 44.29% (แหล่งที่มา Morningstar, 25 มกราคม 2564)
ส่วนมุมมองการลงทุนสำหรับหุ้นสหรัฐฯนั้น นายอดิศร ให้ความเห็นต่อไปว่า แม้จะเผชิญปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังมีจำนวนมากที่สุดในโลกอยู่ โดยคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่าร้อยล้านราย แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นคือหุ้นสหรัฐไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่ควรจะเป็น ตลอดปี 2020 ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P 500 ยังทำผลตอบแทนได้กว่า 18% เนื่องด้วยหุ้นที่ขับเคลื่อนดัชนีนั้นอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าสหรัฐได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากที่สุด แต่หุ้นสหรัฐก็กลับได้รับประโยชน์จาก COVID-19 อย่างมากเช่นกัน
นอกจากนั้นยังพบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีปัจจัยบวกที่น่าสนใจภายหลังจากการเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ของนายโจ ไบเดน ซึ่งได้มีการลงนามในคำสั่งพิเศษหลายฉบับเพื่อแก้ปัญหาที่เร่งด่วนรวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่มาตรการการเงินและการคลังที่มีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯที่ได้มีการนำมาใช้ และตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มดูดีขึ้นอย่างชัดเจน ประกอบกับการเริ่มเห็นความผันผวนของตลาดที่ลดลง ถึงแม้มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Valuation) จะค่อนข้างสูง อาจจะมีความผันผวนระยะสั้นอยู่บ้างก็ตาม
สำหรับกองทุนที่ได้รับประโยชน์ จากการที่ทั่วโลกให้ความสำคัญทางด้านเทคโนโลยี รวมถึงการวิจัยและพัฒนา คือ กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO ที่ลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund เพียงกองทุนเดียว โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนใน 5 นวัตกรรมที่มาแรงที่มีโอกาสสร้างการเติบโตให้กับโลกอย่างมากในช่วง 10 ปีข้างหน้า
กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO ได้มีการจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 63 โดยผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงวันที่ 25 มกราคม 2564 นั้น กองทุน T-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 51.90% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index) 19.22% ในขณะที่ TMB-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 50.72% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index) 19.22% (แหล่งที่มา Morningstar, 25 มกราคม 2564)
ทั้งนี้หากสนใจลงทุนกองทุน T-ES-GINNO และ T-ES-CHINA A สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ. ธนชาต โทรศัพท์ 0 2126 8399 กด 0 หรือ TMB ธนชาต หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfundeastspring.com
หากสนใจลงทุนกองทุน TMB-ES-GINNO และ TMB-ES-CHINA A สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tmbameastspring.com หรือติดต่อลูกค้าสัมพันธ์ TMBAM Eastspring โทร 1725 ในเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ ได้แก่ ธนาคาร TMB ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือตัวแทนการสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับแต่งตั้ง
คำเตือน
o ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
o ผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
o การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
o กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงอาจทำให้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน