19 กันยายน 259 : บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LHFund เดินหน้าเปิดรับโอนย้ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เข้ามาลงทุนต่อในกองทุน RMF ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา หลัง ก.ล.ต. เปิดไฟเขียวให้โอนย้ายได้ เพื่อโอกาสการออมเงินต่อเนื่อง หรือต้องการรักษาสิทธิทางภาษี โดยมุ่งเจาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่เปลี่ยนงานใหม่ ลาออกหรือนายจ้างเลิกกิจการ แต่ยังไม่ต้องการนำเงินออกมา พร้อมชูผลงานบริหารจัดการกองทุน LHTPROPRMF เด่น หวังกระตุ้นให้เกิดการออมและเพิ่มขนาดกอง RMF ให้ใหญ่ขึ้น
นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LHFund กล่าวว่า การให้สิทธิ์โอนย้ายเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) มายังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) นั้น ถือเป็นการส่งเสริมให้เกิดการออมอย่างต่อเนื่องในระยะยาวตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้ลงทุน หลังเกษียณอายุ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขอคงเงินให้กับผู้ที่ต้อง การรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยไม่ผิดเงื่อนไข
โดยปัจจุบัน LHFund เปิดให้บริการรับโอนย้ายเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มายังกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ LHFund จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ 1.กองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (LHTPROPRMF) 2. กองทุนเปิด แอล เอช เฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (LHFLRMF) และ 3.กองทุนเปิด แอล เอช พันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (LHGOVRMF)
ทั้งนี้ LHTPROPRMF นับเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยมีนโยบายเข้าลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งการดำเนินงานของ LHTPROPRMF นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (พ.ย. 58) จนถึงวันที่ 26 ส.ค. 59 สร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 30.71% ต่อปี ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน และ 6 เดือน อยู่ที่ 7.42% และ 13.46% ตามลำดับ
สำหรับอีกกองทุนที่อยากจะแนะนำให้กับผู้ลงทุนก็คือ LHFLRMF ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับผลการดำเนินงานเมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันในระดับสูงสุด ‘Morningstar Rating Overall 5 ดาว’ ณ วันที่ 31 ก.ค. 59 โดย LHFLRMF เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบผสมระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน รวมทั้งเงินฝากหรือทรัพย์สินอื่น (ลงทุนในตราสารทุนได้ตั้งแต่ 0-100% ของ NAV)
ซึ่งนโยบายดังกล่าวมีข้อดีที่เปิดโอกาสให้ผู้จัดการกองทุนจะสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละหลักทรัพย์ ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 26 ส.ค. 59 ย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี (ตามช่วงเวลา) 3 ปีและนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (พ.ย. 55) ของ LHFLRMF อยู่ที่ 16.70% 21.59% 24.94% 10.60% ต่อปีและ 7.88% ต่อปี ตามลำดับ