5 ธันวาคม 2563 : ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดตัวศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย Center of InsurTech, Thailand (CIT) เพื่อเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัย และยกระดับการบริการด้านเทคโนโลยีประกันภัยของไทยให้ก้าวไกล
รวมถึงเป็นจุดให้บริการและเข้าถึงข้อมูลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคอุตสาหกรรมประกันภัย กลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ตลอดจนนักศึกษา ประชาชนทั่วไป ได้อย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ
โดยมี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบัญชี คณะกรรมการ คปภ. คณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย ประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย ผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย ตลอดจนสื่อมวลชนร่วมงานและแสดงความยินดี ณ อาคารเลขที่ 8/8 วิภาวดี 44 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
ศูนย์ Centre of InsurTech, Thailand หรือ CIT จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมประกันภัยไทย ส่งเสริมการศึกษาวิจัยพัฒนา นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย และเป็นเวทีระดมความคิดเห็นกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัย สนับสนุนรูปแบบการเข้าถึงการประกันภัยและการให้ความรู้แก่ประชาชน รวมไปถึงส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย โดยที่ผ่านมา ศูนย์ Centre of InsurTech, Thailand (CIT) ได้ดำเนินงานตามภารกิจลุล่วงในหลายประการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เทคโนโลยีด้านการประกันภัย และเพื่อรองรับภารกิจของศูนย์ CIT ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต สำนักงาน คปภ. จึงได้พัฒนาอาคารสำนักงาน 6 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 860 ตารางเมตร เป็นที่ทำการใหม่ เพื่อให้เพียงพอในการให้บริการ และติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย รองรับการทำงานรูปแบบใหม่ พร้อมด้วย co-working space สำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และห้องประชุมพร้อมระบบ VDO Conference ที่ทันสมัย ในการระดมความคิดทั้ง online และ offline
อาคารศูนย์ CIT แห่งใหม่นี้ พร้อมรองรับภารกิจของสำนักงานและความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคธุรกิจประกันภัยที่นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ และสามารถอำนวยความสะดวกในการให้บริการ InsurTech Firm, StartUp และผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ที่มาติดต่อขอรับบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานในการให้บริการมากยิ่งขึ้น
สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยมอบหมายให้ศูนย์ CIT ดำเนินภารกิจทั้งการสร้างองค์ความรู้ และสร้างผู้เชี่ยวชาญ นวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย ให้กับอุตสาหกรรม รวมไปถึงเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา Digital Infrastructure ให้กับธุรกิจประกันภัยของไทย อาทิเช่น โครงการ OIC Gateway ที่เปรียบได้กับระบบเครือข่าย 5G ของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการนำพาบริษัทประกันภัยไทย ให้มี Next Generation Digital Infrastructure ของตนเอง พร้อมรับมือความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ได้กำหนดทิศทางที่จะขยายบทบาทของ ศูนย์ CIT ให้เป็น One Stop Service ด้านการประกันภัย เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำให้แก่บริษัทประกันภัย และ Startup ในทุกมิติ (Capacity Center) รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการประกันภัย เพื่อมุ่งสู่การเป็น InsurTech Hub ของภูมิภาคอาเซียน โดยมีความตั้งใจให้ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัยแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ก่อให้เกิดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจประกันภัยในระยะยาว
ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย (CIT) เป็นอาคาร 6 ชั้น ที่พร้อมรองรับการขยายบทบาทสู่การเป็น One-Stop Service ตอบโจทย์ในการให้คำปรึกษา เชื่อมโยงเครือข่ายและประสานความร่วมมือด้านเทคโนโลยีประกันภัยได้อย่างครอบคลุมและรอบด้าน โดยแบ่งพื้นที่ในการดำเนินภารกิจต่างๆ ดังนี้ ชั้นที่ 1 โถงต้อนรับและจุดแสดงนิทรรศการ ชั้นที่ 2 เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ระดมความคิด ชั้นที่ 3 เป็นห้องประชุมย่อย ชั้นที่ 4 สำหรับเป็นห้องประชุมสัมมนา ชั้นที่ 5 เป็นสำนักงาน CIT และชั้นที่ 6 เป็นพื้นที่อเนกประสงค์
“ผมเชื่อมั่นว่า การให้บริการอย่างเต็มรูปแบบของศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ. จะเป็นก้าวสำคัญในการนำพาอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ซึ่งจะก่อให้เกิดการเพิ่มจำนวนและเติบโตของผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยในอนาคตอันใกล้ และในระยะต่อไป ศูนย์ CIT วางเป้าหมายที่จะเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV โดยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น InsurTech Startup Hub ที่เชื่อมโยงเครือข่ายภาคธุรกิจ Startups และ Tech firms ทั้งในและต่างประเทศต่อไป” เลขาธิการ กล่าวในตอนท้าย